“แชมป์เท่านั้น” เป้าหมายเดียวของ ไทย ในศึกชิงแชมป์อาเซียน
เหลืออีกไม่กี่อึดใจ เราก็จะได้ติดตามฟอร์มในสนามของเหล่าแข้งทีมชาติไทย กับมหกรรมลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียนอย่าง เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ โดยมี ติมอร์ เลสเต เป็นคู่แข่งในด่านแรกของนักเตะจากลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาบนสังเวียนอย่าง ราชมังคลากีฬาสถาน
ชื่อชั้น ดีกรีความสำเร็จในอดีต คุณภาพของโค้ชกับตัวผู้เล่น หรือจะอะไรก็ตามแต่ แน่นอน ไทย เหนือกว่า ติมอร์ เลสเต ทุกประตูอย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวเมื่อเปรียบกับเพื่อนร่วมกลุ่มชาติอื่นๆ อย่าง อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ สุดท้ายแล้วเหล่ากูรูลูกหนังทั่วทั้งภูมิภาคต่างก็มองว่า ไทย ยังดูมีภาษีดีกว่าแม้จะไร้สตาร์จากเจลีกก็ตาม แต่อย่าลืมว่าในโลกของฟุตบอล ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ ฉะนั้น สิ่งที่นักเตะทุกคนในทีมชุดนี้ต้องโฟกัสให้ดีก็คือ สมาธิในสนาม และความละเอียดในทุกๆ วินาที เพื่อหลีกเลี่ยงกับคำว่า “อุบัติเหตุลูกหนัง”
ด้วยเป้าหมายที่สูงลิบลิ่ว โทรฟี่แชมป์นั้นที่แฟนบอลไทยต้องการ มันย่อมมาพร้อมกับคำที่เรียกกันว่า “ความกดดัน” กับ “ความคาดหวัง” ที่พร้อมจะแปรเปลี่ยนเป็นหอกที่ย้อนกลับมาทิ่มแทงให้ทีมชาติไทยไม่สามารถไปไกลดั่งใจหวัง ฉะนั้น นี่จึงถือเป็นการพิสูจน์ฝีมือแบบจริงๆ จังๆ หนแรกของกุนซือชาวเซิร์บอย่าง มิโลวาน ราเยวัช ที่มีประสบการณ์เคยดวลกับทีมในอาเซียนเพียงแค่ครั้งเดียวนับตั้งแต่ก้าวมาเป็นนายใหญ่ช้างศึก (อุ่นเครื่องชนะ เมียนมา 1-3) เชื่อว่าเฮดโค้ชรายนี้ยังน่าจะยึดแทคติกเดิมนั่นคือ เน้นเกมรับให้แน่น และอาศัยเกมโต้กลับที่เด็ดขาดคอยเล่นงานเหล่าบรรดาทีมคู่แข่งที่ต่างหมายมั่นปั้นมือจ้องล้มทีมชาติไทยในรายการนี้ให้ได้ด้วยเช่นกัน รวมถึงการเรียกสปิริตภายในทีมให้กลับมาคึกคัก กระหายความสำเร็จ และลงไปสู้บนผืนฟลอร์หญ้าดุจนักรบอีกครั้ง เพื่อตอบแทนแฟนบอลทั้งชาติที่พร้อมจะส่งแรงกาย แรงใจ และทำทุกอย่างเพื่อช่วยส่งให้ทีมฟุตบอลอันเป็นที่รักประสบความสำเร็จ
นักเตะระดับ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ฉัตรชัย บุตรพรม หรือ กรกช วิริยอุดมศิริ อาจจะไม่ต้องพิสูจน์ตัวเองอะไรมากมายในเวทีระดับอาเซียนแล้ว ด้วยประสบการณ์ที่เคยต่อกรทีมในเวทีระดับเอเชียมานักต่อนักทั้งในระดับสโมสร และทีมชาติ มาตรฐานไทยลีกที่ดูเหมือนจะสูงกว่าชาติอื่นในแถบนี้ บวกกับศักดิ์ศรีการเป็นทีมที่ดีที่สุดในอาเซียน ทำให้แฟนบอลบ้านเราคงไม่คิดถึงอย่างอื่นนอกจาก ไทย ต้องเป็นแชมป์รายการนี้ให้ได้สถานเดียว นี่คือกำแพงที่ทัพนักเตะทีมชาติไทยชุดนี้จะต้องฝ่าฝันมันไปให้ได้ แต่เชื่อว่าด้วยความเป็นมืออาชีพ บวกกับทีมชาติไทยกำลังอยู่ในช่วงฟอร์มสดหลังชนะในฟีฟ่า เดย์ มาสองเกมติด สุดท้าย ราเยวัช น่าจะยังพาทีมชุดนี้รักษามาตรฐานเดิมนั่นคือ การครองจ้าวอาเซียนต่อ และเดินหน้าลุยในศึกชิงแชมป์เอเชียช่วงต้นปีด้วยความมั่นใจ
แม้เป้าหมายเดียวของ ไทย ในศึกชิงแชมป์อาเซียนครั้งนี้จะมีแค่คำว่า “แชมป์เท่านั้น” แต่ถ้าเราไม่ประมาท ลงเล่นด้วยความรัดกุม เล่นตามจังหวะ และมาตรฐานของเรา เมื่อมาผนึกกำลังกับแรงเชียร์ของแฟนบอลชาวไทย คำว่า “จ้าวอาเซียน” ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากจนเกินไปแต่อย่างใด...