BACK

 

 

5 นัดอันตราย ที่ทีมกลุ่มลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกจะพลาดไม่ได้

21 ธ.ค. 2561

"5 นัดอันตราย ที่ทีมกลุ่มลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกจะพลาดไม่ได้"

เดินทางมาถึง 1 ใน 3ของโปรแกรมแล้ว สำหรับศึกพรีเมียร์ลีก 2018/2019 ที่ยังคงสนุก เข้มข้น สูสี โดยเฉพาะบรรดาทีมบนหัวตารางที่ยังทำคะแนนคอยไล่บี้ชนิดหายใจรดต้นคอกันติดๆ ทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, เชลซี หรือ สเปอร์ส เอง สิ่งสำคัญที่ท้าทายพวกเขาก็คือ โปรแกรมการแข่งขัน 5 นัดต่อจากนี้ ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงหฤโหดอย่าง บ็อกซิ่ง เดย์ ที่จะวัดไปเลยว่า คุณดีพอที่จะไปถึงโทรฟี่แชมป์รึเปล่า วันนี้เราจะมาวิเคราะห์กัน...

#ท็อตแน่มฮ็อทสเปอร์
แม้จะพ่ายไปแล้วถึงสามเกม แต่เหลือเชื่อว่าทัพ “ไก่เดือยทอง” ยังดีพอที่จะติดอยู่ในกลุ่มลุ้นแชมป์ หลังโกยไป 27 แต้มจาก 12 นัด ตามหลังจ่าฝูง แมนฯ ซิตี้ เพียงแค่ 5 คะแนนเท่านั้น แต่ตัวแปรที่จะวัดว่า สเปอร์ส นั้นดีพอที่จะยืนระยะต่อไปได้รึเปล่านั่นก็คือ ขนาดของทีมที่ค่อนข้างเสียเปรียบหลังไม่เสริมทัพในช่วงก่อนเปิดซีซั่น ลองคิดดูว่าเกิดนักเตะอย่าง แฮร์รี่ เคน, คริสเตียน อีริกเซ่น หรือเอริค ลาเมล่า เกิดเจ็บหรือฟอร์มหลุดพร้อมๆ กัน แฟนๆ ของ สเปอร์ส คงยิ้มไม่ออกเลยทีเดียว… การเจอกับ เบิร์นลีย์, เซาธ์แฮมป์ตัน กับเลสเตอร์ ซิตี้ อาจจะไม่ใช่เป็นเรื่องที่ยากเกินไปสำหรับพวกเขา แต่การต้องตัดแต้มกับ เชลซี และอาร์เซน่อล สองนัดติด หากพวกเขาไร้แต้มติดมือจากสองนัดนี้ ก็คงต้องพูดตรงๆ ว่า สเปอร์ส คงหมดโอกาสในการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างแน่นอน

#เชลซี
การปรับทีม รวมถึงตัวกุนซือใหม่อย่าง เมาริซิโอ ซาร์รี่ ทำให้ เชลซี ในปีนี้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันตาเห็น พิสูจน์ได้จากผลงานไร้พ่ายในลีก ขณะที่เกมรุก-รับ นั้นก็ทำได้ดีที่สุดเป็นอันดับสองในลีก แม้จะถูกมองว่าฟอร์มสะดุดไปบ้างหลังเจาะ เอฟเวอร์ตัน ไม่เข้า แต่โดยภาพรวม “สิงโตน้ำเงินคราม” ทีมนี้ยังมีดีพอที่จะลุ้นแชมป์ลีกยาวๆ.. เมื่อวิเคราะห์โปรแกรมของ “สิงห์บลู” 5 นัดต่อจากนี้ หากไม่สะดุดขาตัวเอง เชลซี มีตุนในมือแน่ๆ 9 แต้มจาก ฟูแล่ม, วูลฟ์แฮมป์ตัน และไบรท์ตันฯ แต่สองเกมอันตรายที่ ซาร์รี่ จะพลาดไม่ได้เป็นอันขาดนั่นคือ การทำศึกลอนดอนดาร์บี้กับ สเปอร์ส ก่อนที่จะเปิดบ้านวัดใจกับจ่าฝูงอย่าง แมนฯ ซิตี้ ซึ่งมีผลต่อการลุ้นแชมป์โดยตรง เพราะหากเกิดสะดุดในแมตช์เจอ “เรือใบสีฟ้า” เมื่อไหร่ นั้นเท่ากับว่า พวกเขาจะถูกขยับช่องว่างห่างไปอย่างน้อย 7 คะแนนทันที ฉะนั้น บางที ซาร์รี่ อาจจะต้องเลือกว่าจะเล่นเพลย์เซฟเพื่อการันตีแต้ม หรือเปิดเกมรุกแลกไปเลยเพื่อสามคะแนนสำคัญในวันที่ 9 ธันวาคม !!!

#ลิเวอร์พูล
นี่คือการออกสตาร์ทที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ “หงส์แดง” นับตั้งแต่พรีเมียร์ลีกก่อตั้ง แน่นอน ด้วยเม็ดเงินลงทุนมหาศาลในซีซั่นนี้ เป้าหมายเดียวที่จะทำให้ “เดอะ ค็อป” ทุกคนในโลกนี้พอใจก็คือ แชมป์สถานเดียว !!!

บทเรียนจากซีซั่นก่อนหน้านี้ ทำให้ คล็อปป์ ใส่ใจ และละเอียดกับคู่ต่อสู้ทุกทีม โดยเฉพาะทีมกลางตาราง ค่อนไปท้ายๆ ที่มักจะทำให้ ลิเวอร์พูล ตกม้าตายมาโดยตลอด เชื่อว่าปีนี้พวกเขาน่าจะผ่าน วัตฟอร์ด, เอฟเวอร์ตัน, เบิร์นลีย์ และบอร์นมัธ ไปได้แบบไม่มีเกมแพ้ แต่เอาจริงๆ โปรแกรมที่ “หงส์แดง” ต้องระมัดระวังมากที่สุดก่อนเข้า บ็อกซิ่ง เดย์ นั้นก็คือการเปิดแอนฟิลด์รับการมาเยือนของคู่ปรับตลอดกาลที่พร้อมจะเปลี่ยนเป็นหอกข้างแคร่ดับฝัน “เดอะ ค็อป” อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด… ถ้าผ่าน “ปีศาจแดง” ไปได้ ลิเวอร์พูล ก็ดีพอที่จะสถาปนาเป็นทีมลุ้นแชมป์เต็มตัว !!!

#แมนเชสเตอร์ซิตี้
ครบเครื่อง เพียบพร้อม และลงตัวไปซะทุกอย่างจริงๆ สำหรับลูกทีมของ เป็ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือสมองเพชรที่มองไปไกลถึงการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบไร้พ่ายเลยด้วยซ้ำ แถมโปรแกรมห้านัดต่อจากนี้ยังเป็นใจสุดๆ เพราะมีแค่ เชลซี เพียงทีมเดียวเท่านั้นที่ดูเป็นคู่ชกในพิกัดเดียวกัน เชื่อว่าก่อนเข้าบ็อกซิ่ง เดย์ แมนฯ ซิตี้ จะโกยได้ถึง 12 คะแนนเป็นอย่างน้อย ซึ่งแน่นอนพวกเขามีโอกาสรักษาบัลลังก์จ่าฝูงต่อไปจนถึงกลางเดือนธันวาคมแบบสบายๆ

แม้สื่อ และแฟนบอลทั้งโลกจะยกแต้มต่อให้กับ แมนฯ ซิตี้ ทุกนัดที่ลงสนาม แต่ในโลกความเป็นจริง ไม่มีอะไรที่จีรังยั่งยืนไปตลอดกาล ฟุตบอลไม่ใช่บัญญัติไตรยางค์ หรือมีสูตรสำเร็จที่ตายตัว ต้องมาดูกันว่าทีมใดที่จะมีความสม่ำเสมอมากกกว่ากัน นั่นแหละคือคุณสมบัติของทีมที่คู่ควรกับการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก !!!
#SinghaWorldOfFootball #Football #Chelsea #Liverpool#TottenhamHotspur #ManchesterCity #PremiereLeague #เชลซี #ลิเวอร์พูล #สเปอร์ #แมนเชสเตอร์ซิตี้ #พรีเมียร์ลีค

 

 

 

BACK