ขอบคุณ มาเลเซีย !!! บทเรียนชิ้นสำคัญที่ทำให้ ไทย ตื่นจากฝันซักที
ท่ามกลางแฟนบอลในอ่างชามยักษ์อย่าง ราชมังคลากีฬาสถาน กว่า 46,157 คน เรากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องชนะ เพื่อกรุยทางผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศศึกชิงแชมป์อาเซียน 2018 ให้ได้
ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นใจ... การได้ประตูขึ้นนำถึงสองหน ดูจะเป็นอะไรที่ไม่น่าพลาดกับการตีตั๋วไปชนกับอีกหนึ่งคู่ปรับตลอดกาลอย่าง เวียดนาม ที่สถาปนาตัวเองเป็น “เฟอร์รารี่ อาเซียน” เรียบร้อยแล้ว
แต่การพลาดโอกาสทองในวินาทีสุดท้าย แถมเรายังปล่อยให้แข้ง “เสือเหลือง” ตามตีเสมอได้ถึงสองครั้งสองครา ทำให้เห็นได้ชัดเลยว่า จริงๆ แล้วทีมชาติไทยชุดนี้กำลังมีปัญหา
การขาดสี่ผู้เล่นตัวหลักที่ค้าแข้งยังต่างประเทศไม่ควรเป็นข้ออ้างใดๆ ทั้งสิ้น เพราะนี่คือเงื่อนไขที่เรายอมรับเองว่า จะไม่เรียกพวกเขากลับมาลงแข่งในรายการนี้ อีกอย่างรายการนี้มีหลายๆ แมตช์ที่ไม่ตรงกับ ฟีฟ่า เดย์ สโมสรย่อมมีสิทธิ์ที่จะไม่ปล่อยตัวนักเตะกลับมา อีกทั้งนักเตะในทัพ “ช้างศึก” ชุดนี้ล้วนแต่เป็นแข้งระดับพระกาฬ หากว่ากันตามตรง นี่ก็คงเป็นชุดที่ดีที่สุดในประเทศแล้วก็ว่าได้ แต่เหตุไฉนสุดท้ายพวกเขากลับไม่สามารถฝ่าฟันความกดดันในการลงสนามกับทีมในอาเซียนด้วยกันได้…
ณ วินาทีนี้ มั่นใจว่าไม่มีใครว่านักเตะ เพราะเชื่อว่าทุกคนทำดีที่สุดแล้ว แม้กระทั่ง AK9 ที่พลาดจุดโทษ เพราะแค่คุณกล้าที่จะก้าวเข้าไปในยืนในกรอบ 18 หลา คุณก็คือผู้กล้าแล้ว
หากแต่มีจุดหนึ่งที่แฟนบอลรับไม่ได้ นั่นคือ “แทคติก” ของ #มิโลวาน ราเยวัช
เกมรับที่ถูกยกให้เป็นหัวใจของ ราเยวัช ถูก มาเลเซีย ฉีกหลุดรุ่ยไม่เป็นชิ้นดีตั้งแต่ที่ บูกิต จาลิล แล้วด้วยซ้ำ ก่อนหนังม้วนเดิมจะมาฉายซ้ำที่บ้านเรา การตัดสินใจจับวิงแบ็กมายืนเสมือนเซนเตอร์ฮาล์ฟอีกสองคน คือฝันร้ายของทั้ง กรกช และฟิลิป โรลเลอร์ เพราะโดยธรรมชาติ สิ่งที่ทั้งสองทำได้ดีมาตลอดการลงเล่นให้กับสโมสรก็คือ การเติมเกมรุก ฉะนั้น การจับทั้งคู่มาเล่นเกมรับแบบเต็มตัว สิ่งที่ตามมาก็อย่างที่เห็น… มาเลเซีย มีพื้นที่ลากจี้แนวรับเราอยู่ตลอดเวลา จนเป็นที่มาของการเสียประตูทั้งสองลูก
การตัดสินใจใช้แทคติกยืนคุมโซนมากกว่าที่จะคอยเพรสซิ่ง หรือวิ่งไล่บี้คู่แข่ง ทำให้แข้งมาเลเซีย เจอช่องโล่งๆ ให้วิ่ง ให้เลี้ยง ให้จ่ายกันแบบสบายอุรา จนราวกับว่า ไทย กำลังลงเล่นกับทีมระดับหัวแถวของเอเชีย นั่นคือความเจ็บปวดที่แฟนบอลไทยรับไม่ได้ แนวทางการเล่นแบบนี้กำลังทำให้ไทยกลายเป็น “ตัวตลกของอาเซียน” ที่ไม่มีใครหน้าไหนกลัวแล้ว
ตลอดทั้งเกม มาเลเซีย มีโอกาสยิงเข้ากรอบแค่สามครั้ง แต่กลับถูกเปลี่ยนเป็นถึงสองประตู นี่คือบาดแผลใหญ่ที่ถูกเปิดขึ้นมาให้เราได้รู้ก่อนที่จะเดินทางไปลงแข่งขันรายการใหญ่ (ที่จะใช้เป็นตัวตัดสิน ราเยวัช) นั่นคือ เอเชียน คัพ 2019 ที่ UAE ถ้ามองในแง่ดี มาเลเซีย ทำให้เรารู้ว่า ไทย ไม่ได้มีเกมรับที่ดีอย่างที่หลายคนเข้าใจ แทคติกเน้นเกมรับ (มากเกินไป) แบบนี้ ยังเหมาะกับทัพ “ช้างศึก” หรือไม่ เพราะสุดท้ายฟุตบอลตัดสินกันที่ประตู คือต่อให้มีนักเตะอย่าง ชนาธิป, ธีรศิลป์, ธีราทร หรือแม้แต่กวินทร์ แต่ถ้าคุณไม่มีหมัดสวน ไม่มีเกมโต้กลับที่รวดเร็ว และเด็ดขาดพอ แถมยังมาเน้นอุดขนาดนี้ เห็นที ไทย ก็คงต้องปิดประตูแพ้ และเก็บกระเป๋ากลับบ้านเร็วกว่าที่คิด…
วันนี้เราคงต้องยอมรับว่า ไทย ยังไม่ดีพอในเวทีอาเซียน คำที่บอกว่า “เราจะก้าวข้ามอาเซียน” นั้นยังไม่เกิดขึ้นจริง ต้องขอขอบคุณ ทีมชาติมาเลเซีย ที่มอบบทเรียนชิ้นสำคัญให้ ทีมชาติไทย และแฟนบอลไทยตื่นจากฝันซักที...
#SinghaWorldOfFootball #บอลไทย #AFFSuzukiCup #เอเอฟเอฟซูซูกิคัพ #ทีมชาติไทย