ชัยชนะเหนือทีมชาติบาห์เรน 0-1 ประตูชัยอันเด็ดขาดจากเท้าซ้ายของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ พร้อมกับฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมเหนือจินตนาการของนักเตะทุกคนในทีมที่รวมพลังต่อกรกับยอดทีมจากตะวันออกลางชนิดเลือดตาแทบกระเด็น คือปรากฎการณ์ที่สร้างแรงกระเพื่อมครั้งสำคัญให้กับแฟนฟุตบอลชาวไทยทั้งประเทศได้กลับมามี “ความสุข” อีกครั้ง เพราะนี่ถือเป็นสามคะแนนอันล้ำค่าท่ามกลางช่วงเวลาแห่งวิกฤต ท่ามกลางความขัดแย้ง เสียงแฟนบอลแตกแยกออกเป็นสองฝั่งชัดเจน คำดูถูกทับถมต่างๆ นานา ถูกพ่นออกมาสาดโคลนโจมตีกันปนกับอารมณ์แห่งความฉุนเฉียวหลังความพ่ายแพ้ต่อ อินเดีย ในนัดแรก จนอดกังวลไม่ได้ว่า หรือเรากำลังกลับเข้าสู่ยุคมืดฟุตบอลไทยอีกครั้ง…
แต่ชีวิตคนเรา บางครั้งการเปลี่ยนแปลงก็อาจนำมาซึ่งสิ่งที่ดีกว่า… ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ที่ถูกมองว่ามือไม่ถึง ชื่อชั้นไม่ได้ กลับสามารถเรียกสปิริต และปลุกจิตวิญญาณความเป็น “นักสู้” ในตัวนักเตะชุดนี้ให้ออกมาผงาดได้ทันเวลา ด้วยวิธีปลุกเร้าแบบธรรมดาๆ ไม่มีหวือวา ไม่ต้องใส่ผงปรุงรสปรุงแต่งสีหรือกลิ่นเข้าไป แค่ใส่ความจริงใจให้กันก็พอ
รูปแบบการเล่นของ ไทย จึงดูเปลี่ยนไป คล้ายกับมีอาหารจานเดิม แต่เพิ่มเติมความกลมกล่อมมากขึ้น !!!
เช่นเดียวกับฟอร์มของแข้งหลายๆ คนที่ดูเปลี่ยนไป จากที่เคยเป็นดอกไม้กลีบแห้งเหี่ยวอับเฉา กลับมาสดชื่น และเบ่งบานกลายเป็นบุปผาที่งดงามตาบนผืนทรายในดินแดนตะวันออกกลาง
#ศิวรักษ์เทศสูงเนิน พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า “อายุเป็นเพียงแค่ตัวเลข”หลังโชว์ช็อตเซฟที่เรียกได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ ไทย รอดพ้นจากการเสียประตูได้สำเร็จ เช่นเดียวกับสองคู่หูจากค่าย “กิเลนผยอง” อย่าง #ธีรศิลป์แดงดา และ #ธีราทรบุญมาทัน ที่งัดเอาประสบการณ์จากการค้าแข้งลีกที่ดีที่สุดในเอเชียอย่าง เจลีก มาคอยยกระดับ และคอยกระตุ้นเพื่อนร่วมทีม พร้อมกับรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยมจนนักเตะบาห์เรนไปไม่เป็นเหมือนกัน
ส่วน #ทริสตองโด ปฎิเสธไม่ได้ว่าเกมที่ อัล มัคตูม สเตเดี้ยม เขานี่แหละคือหัวใจทั้งเกมรุก และเกมรับอย่างแท้จริง ดาวเตะลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศสรายนี้ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบไม่ว่าจะเป็นการหยุดยั้งแนวรุกของ บาห์เรน ได้อย่างเด็ดขาด ความฟิต ความแข็งแกร่งดุจนักรบโบราณ ได้พา ทริสตอง โด วิ่งพล่านไปทั่วสนามราวกับคนคุ้มคลั่งกระหายในชัยชนะไม่มีผิด รวมถึงการเติมเกมรุกที่ดันสุด รุกได้ใจแฟนบอลไทย ที่สำคัญเจ้าตัวยังมีส่วนร่วมกับการได้ประตูชัยหลังแอสซิสต์ให้ ชนาธิป ซัดเข้าไปอย่างสวยงาม เป็นการคัมแบ็กกลับคืนสู่ทีมชาติไทยที่สวยงาม และถูกที่ถูกเวลาจริงๆ ที่สำคัญ ยังเป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยังทัพเจ้าภาพว่า สตาร์รายนี้ คืออีกหนึ่งอาวุธสำคัญที่พร้อมจะเล่นงาน ยูเออี ทุกเมื่อ
และสำหรับผู้ที่ยิงประตูชัยในนัดล่าสุดอย่าง #Chanathip #ชนาธิปสรงกระสินธ์ …
ในฐานะนักเตะที่ดีที่สุดของ ไทย ในยุคปัจจุบัน “เจ” ต้องก้าวขึ้นมารับบทบาท “คนแบกทีม” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความกดดัน - ความคาดหวังจำนวนมหาศาลที่ถาโถมเข้าใส่เพลย์เมคเกอร์รายนี้จนทำให้หลายครั้ง ชนาธิป ไม่สามารถงัดฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดออกมาได้ยามที่ต้องสวมเสื้อทีมชาติลงสนาม
แต่ทว่า “เพชรก็คือเพชร” ที่ไม่ว่าจะโดนความร้อน หรือความกดดันแผดเผามากเท่าไหร่ ชนาธิป ก็ยิ่งฉายแววให้เห็นถึงคุณค่า และคุณภาพในฝีเท้า ยิ่งกับสถานการณ์ที่บีบหัวใจ หากหัวใจคุณไม่แกร่งจริง มีหวังคุณอาจจะเล่นได้แย่กว่าเดิมจนต้องยกธงขาวออกจากสนามไปเลยก็เป็นได้ แต่ทว่าหัวใจที่เต็มไปด้วยบาดแผลของ “เจ” กลับกลายเป็นภูมิต้านทานชั้นดีที่ทำให้แข้งหมายเลข 18 รายนี้ ลงไปในสนามด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจมากขึ้นกว่าเก่า จนกระทั่งมาปลดล็อคด้วยการพังประตูชัยจากเท้าซ้ายสั่งตาย ปลิดชีพแข้งบาห์เรนได้สามคะแนนไปอย่างเหนือชั้น
“ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน” ยังคงเป็นวลีที่นำมาใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย ในเมื่อโมเมนตั้มทุกอย่างกำลังเป็นใจ ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่เราจะต้องมานั่งดูถูกตัวเองในเกมนัดสุดท้าย อย่าลืมว่า ยูเออี เองก็ใช่ว่าจะเป็นทีมที่แพ้ไม่เป็น แม้ว่าพวกเขาจะได้ลงสนามในฐานะเจ้าบ้าน แต่อย่าลืมว่าบางทีเสียงเชียร์ในสนาม หรือความกดดันจากแฟนบอลของพวกเขา ก็อาจจะแปรเปลี่ยนเป็นดาบสองคมที่พร้อมกลับมาย้อนทิ่มแทง ยูเออี เองได้เหมือนกัน...
ดังนั้น ขอแค่ ไทย เราเล่นในรูปแบบของตัวเอง ลงสนามด้วยความมั่นใจ มีสมาธิ และรอจังหวะสวนกลับด้วยความอดทน เมื่อมีโอกาสเราต้องเด็ดขาด เพื่อโยนความกดดันกลับไปให้กับทางเจ้าภาพ แน่นอนว่าด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่บีบให้เราต้องคว้าสามคะแนนเพื่อการันตีการผ่านเข้าสู่รอบต่อไปแบบชัวร์ๆ แต่เราเองก็ต้องออกหมัดอย่างมีเชิง อย่าผลีผลาม และใช้เวลาทุกวินาทีอย่างละเอียด เพราะอย่าลืมว่าทัวร์นาเม้นต์นี้ให้โอกาสกับทีมอันดับสามที่ดีที่สุดอีกถึงสี่ทีม ดังนั้น หากแมตช์นี้จะจบลงด้วยผลเสมอ ก็คงไม่น่าเกลียดอะไรมาก
แต่ถ้าเราอยากจะกำหนดลมหายใจของเราเอง โดยที่ไม่ต้องยืมจมูกคนอื่นมาหายใจ #ชัยชนะ เท่านั้น คือคำตอบที่ ไทย ต้องการ...
ว่ากันว่าทีมที่จะประสบความสำเร็จในการแข่งขันแบบทัวร์นาเม้นต์ คุณจะต้องค่อยๆ เล่นให้ดีขึ้น ไล่มาตั้งแต่นัดแรก ไปจนถึงเป้าหมายที่คุณวางไว้ และสำหรับทีมชาติไทย นับตั้งแต่วินาทีนี้ไป คงไม่มีเกมไหนที่จะสำคัญไปกว่านัดสุดท้ายในรอบแบ่งกลุ่มที่จะต้องลงต่อกรกับเจ้าภาพอย่าง #สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่สนาม ฮัสซา บิน ซายิด สเตเดี้ยม, อัล ไอน์ ที่แข้งจากลุ่มน้ำเจ้าพระยาทุกคนจะต้องเตรียมความพร้อมทั้งสภาพร่างกาย และสภาพจิตใจให้สมบูรณ์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้...
14 มกราคมนี้ ช่วงราวๆ ห้าทุ่ม เชื่อว่าสายตาของแฟนบอลไทยทั้งประเทศคงจะไปจดจ่อกับการแข่งขันเกมคู่นี้อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะนี่อาจจะเป็นนัดสุดท้ายของ #ทีมชาติไทย ในรายการนี้ ฉะนั้น…
เราจึงต้องการ “ชัยชนะ” เพื่อสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการลูกหนังไทย และอาเซียน
เราต้องการ “ชัยชนะ” เพื่อต่อลมหายใจให้กับทีมชาติไทยในรายการนี้
และ เราต้องการ “ชัยชนะ” เพื่อหลอมรวมใจให้คนไทยกลายเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง
ไม่มีอะไรท้าทายไปมากกว่า “ชัยชนะ” ในครั้งนี้อีกแล้ว
ลงไปในสนาม แล้วทำให้เต็มที่ เราพร้อมส่งกำลังใจให้พวกคุณทุกวินาที…เพื่อร่วมกันเนรมิต “ชัยชนะ” ในเกมนี้ และสร้างประวัติศาสตร์ไปด้วยกันด้วยคำว่า “ทีมชาติไทย”