275 ประตูจากการลงเล่นบนผืนแผ่นดินยุโรป นับตั้งแต่ข้ามฟากมาจาก ริเวอร์เพลท สโมสรลูกหนังยักษ์ใหญ่แดนฟ้าขาว
คงเป็นเครื่องหมายยืนยันได้ว่า กอนซาโล่ อิกวาอิน คือหนึ่งในกองหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของ อาร์เจนติน่า
เทียบชั้น กาเบรียล บาติสตูต้า อดีตหัวหอกระดับตำนานของประเทศที่โยกย้ายมาค้าแข้งในอิตาลี
จนกลายเป็นเทพเจ้าของเหล่าสาวก “วิโอล่า” ฟิออเรนติน่า และโรม่า หมาป่าจอมแกร่งแห่งกรุงโรม
6 แชมป์กับ เรอัล มาดริด บวกกับอีก 6 โทรฟี่ใน อิตาลี คือผลงานอันเป็นรูปธรรมจับต้องได้ของดาวยิงวัย 31 ปีรายนี้
แต่ใช่ว่าเส้นทางชีวิตของ อิกวาอิน จะดูเรียบหรูดุจกลีบกุหลาบโรย เพราะฟอร์มส่วนตัวของ “เอล ปิปิต้า” กับ เอซี มิลาน ในฤดูกาลนี้ดูดร็อปไปอย่างเห็นได้ชัด
ไม่เหมือนกับตอนที่เจ้าตัวลงล่าตาข่ายให้ทัพ “อัซซูร่า” ที่เขาเคยระเบิดฟอร์มรัว 36 เม็ดในกัลโช่ เซเรีย อา ซีซั่นเดียว ผงาดขึ้นมาเทียบชั้นเจ้าของสถิติตลอดกาล
อย่าง จิโน่ รอสเซ็ตติ ที่ทำไว้เมื่อเกือบๆ ร้อยปีที่แล้ว จน ยูเวนตุส อดใจไม่ไหวต้องควักเงินกว่า 90 ล้านยูโรเพื่อมาสู่ขอ
นับว่าเป็นสถิติการซื้อขายนักเตะของทีมในอิตาลีด้วยกันที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์มาจนถึงทุกวันนี้
หลายๆ คนเริ่มตั้งคำถาม และมองว่าคงถึงเวลาหมดยุคความยิ่งใหญ่ของดาวเตะอาร์เจนไตน์รายนี้แล้ว
ผลงานในอดีตอันเกรียงไกร และน่าเกรงขาม เลือดความเป็นเพชรฆาตในกรอบเขตโทษ ค่อยๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา...
ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายในตลาดซื้อขายนักเตะ อิกวาอิน คงต้องตัดสินใจอะไรสักอย่างเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของตัวเองกลับมา
เพราะด้วยวิทยาศาสตร์การกีฬาในยุคปัจจุบัน สภาพร่างกายของนักฟุตบอลยุคนี้ดีกว่าแต่ก่อนมาก
หากจะบอกว่าร่างกายของ อิกวาอิน ไม่เหมือนเดิมแล้วก็คงจะไม่ถูกไปทั้งหมด บางที การใช้ชีวิตในแดนมักกะโรนีมาร่วม 6 ปี
อาจจะทำให้แรงจูงใจของเจ้าตัวขาดหายไป และการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมอาจจะทำให้อะไรๆ ดีขึ้น
จนกระทั่ง เชลซี คือทีมที่แสดงความชัดเจนในการต้องการตัว “เอล ปิปิต้า”
แม้ “สิงโตน้ำเงินคราม” ทีมนี้จะยังรั้งอยู่ในอันดับ 4 ของตาราง แต่การตามหลังจ่าฝูงถึง 13 คะแนน ถือเป็นสิ่งที่ไม่น่าอภิรมย์ใจของบรรดาแฟนบอลเป็นแน่
จริงอยู่ที่เกมรับของ เชลซี ถือว่าทำผลงานได้ค่อนข้างดี หลังเสียประตูน้อยที่สุดเป็นอันดับสามในลีก แต่ถ้ามองไปที่เกมรุก “สิงห์บลูส์” กำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่
เพราะพวกเขาคือทีมที่ยิงประตูได้น้อยที่สุดหากเทียบกับทีมระดับ Top 6
เมื่อแลไปดูทีมชุดนี้ จะเห็นได้เลยว่า เมาริซิโอ ซาร์รี่ มีตัวเลือกในแดนหน้าที่มีคลาสความเป็น “ศูนย์หน้าจริงๆ” อยู่น้อยมาก
ลำพังตอนนี้มีแค่ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ หัวหอกดีกรีแชมป์โลก แต่ครั้งจะไปฝากผีฝากไข้กับแข้งรายนี้ก็ดูจะเสี่ยงไป
เพราะนับถึงวินาทีนี้ ชิรูด์ ทำประตูให้กับ เชลซี ในพรีเมียร์ลีกได้ยังไม่ถึง 10 ประตูเลยด้วยซ้ำนับตั้งแต่ย้ายมาจาก อาร์เซน่อล เมื่อฤดูกาลก่อน
ฉะนั้นชื่อของ อิกวาอิน จึงถูกยกขึ้นมาเป็นความหวังสูงสุดในการถล่มประตูของ เชลซี ไปโดยปริยาย
เพราะด้วยสถิติการถล่มประตูใน อิตาลี (ไม่นับ เอซี มิลาน) หักหอกรายนี้ไม่เคยยิงได้ต่ำกว่า 23 ประตู / ฤดูกาล (รวมทุกถ้วย)
ก็คงเพียงพอที่จะการันตีได้ว่า เชลซี ได้ของจริงมา ไม่ใช่ของปลอมทำเหมือน
อีกปัจจัยที่สำคัญ ที่อาจจะส่งให้ อิกวาอิน พร้อมระเบิดฟอร์มกระฉูดในช่วงครึ่งซีซั่นต่อจากนี้ก็คือ การได้กลับมาร่วมงานกับสองเกลอแห่ง เนเปิ้ลส์
อย่าง เมาริซิโอ ซาร์รี่ และจอร์จินโญ่ ที่ อิกวาอิน ยกย่องว่ามีส่วนสำคัญอย่างมากที่ช่วยให้เขายิงประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำในฤดูกาล 2015/2016
และยังหวังว่าการคัมแบ็คร่วมงานกันในครั้งนี้จะจบลงด้วยคำว่า “ประสบความสำเร็จ”
ภารกิจของ อิกวาอิน ณ ตอนนี้ ไม่ได้มีแค่การเรียกฟอร์มเก่งกลับมาเท่านั้น
แต่ยังหมายถึงการกอบกู้ เชลซี ให้กลับมาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นให้ได้อีกด้วย มันอาจจะดูเป็นภาระที่หนักอึ้งไม่น้อย
แต่นี่แหละคือบทพิสูจน์ชีวิตการค้าแข้งครั้งสำคัญของดาวยิงอาร์เจนไตน์รายนี้ว่าเขาคือคนที่ใช่ ภายใต้เสื้อหมายเลข 9 ที่ผ่านมือสตาร์ระดับตำนานของสโมสรมาแล้วมากมาย
อาทิ จิอันลูก้า วิอัลลี่, จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์, เฟร์นานโด ตอร์เรส หรือแม้กระทั่งรุ่นพี่ร่วมชาติอย่าง เอร์นาน เครสโป
"เชลซี เป็นสโมสรที่มีประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่, มีสนามที่ยอดเยี่ยม และเล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีก ลีกที่ผมใฝ่ฝันอยากจะค้าแข้งมานานแล้ว"
"ผมหวังว่า ผมจะสามารถตอบแทนความเชื่อมั่นที่ เชลซี มอบให้ ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมในสนาม ผมอดใจรอไม่ไหวแล้วจริงๆ ที่จะได้เริ่มต้นกับที่นี่"
ยินดีต้อนรับสู่พรีเมียร์ลีก
“กอนซาโล่ อิกวาอิน"
#SinghaWorldofFootball #SinghaChelsea #Togetherness
ในความเป็นพาร์ทเนอร์ ระหว่างสิงห์คอร์เปอเรชั่น และ ทีมฟุตบอลเชลซี ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในแรงผลักดัน ให้เชลซีฝ่าฟันได้ตำแหน่งที่ต้องการ
https://www.facebook.com/singhaworldoffootball/videos/578429752626505/
