BACK

 

 

"RED WAR" มากกว่าสามคะแนน คือศักดิ์ศรีที่ (อาจ) มีถ้วยแชมป์เป็นเดิมพัน !

18 มี.ค. 2562

แม้ว่าผลสกอร์ 3-1 เกมแรกที่แอนฟิลด์ อาจจะทำให้ ลิเวอร์พูล ดูมีภาษีดีกว่าเล็กน้อย
ด้วยรูปเกมที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด บวกกับเกมรุกที่ดูจัดจ้าน เกรี้ยวกราดมากที่สุดนับตั้งแต่พรีเมียร์ลีกเปลี่ยนชื่อมาจากศึกดิวิชั่น 1 (เดิม)

แต่ทว่าการเข้ามาของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ได้ทำให้ “ปีศาจแดง” ลุกฟื้นขึ้นจากหลุมก่อนจะดาหน้าคว้าชัยได้ถึง 8 จาก 9 นัดหลังสุดในลีก
พร้อมกับไล่ถล่มประตูคู่แข่งถึง 23 เม็ด และโดนเจาะตาข่ายไปเพียง 6 ประตูเท่านั้น
สะท้อนให้เห็นได้ชัดเจนว่า ยอดทีมแห่งแมนเชสเตอร์ทีมนี้กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

ด้วยสถานการณ์ที่บีบให้ ลิเวอร์พูล ต้องบุกมาคว้าชัย เพื่อต่อลมหายใจ
และรักษาเส้นทางการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกในประวัติศาสตร์ บวกกับฟอร์มในลีกของเจ้าถิ่นที่กำลังมาแรงแบบฉุดไม่อยู่
นั่นจึงยิ่งเป็นการโหมไฟแค้นในศึกแดงเดือดหนนี้ให้มีความหมายมากกว่าครั้งไหนๆ
วันนี้เราจะมาดูกันว่ามีประเด็นเด็ด เกร็ด หรือสถิติต่างๆ ที่น่าสนใจในแมตช์ระดับหกดาวนี้มากน้อยแค่ไหน ก่อนที่ทั้งสองทีมจะลงดวลกันในค่ำวันอาทิตย์นี้ !!!

#แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ความพ่ายแพ้ที่แอนฟิลด์เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาอาจกลายเป็นเรื่องขนมไปเลยสำหรับเหล่าสาวก “เร้ด เดวิลส์”
ถ้าคุณได้รู้สถิติเด็ดบางอย่างว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะคู่ปรับจากเมอร์ซีย์ไซด์ได้มากถึง 7 จาก 9 ครั้งหลังสุด
ที่ลงฟาดแข้งใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด แถมผู้ตัดสินในเกมนี้อย่าง ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ยังมีสถิติที่ดีสุดๆ ยามเป่าศึกแดงเดือด เพราะ “ปีศาจแดง” ไร้พ่ายทั้งสองเกมก่อนหน้านี้

ที่สำคัญ การที่ ลิเวอร์พูล ขาดกำลังสำคัญในแนวรับไล่มาตั้งแต่ โจ โกเมซ, เดยัน ลอฟเรน รวมถึง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ที่ยังไม่ได้อยู่ในสภาพความฟิตเต็มร้อย
น่าจะเปิดรูโหว่ที่ทำให้ ยูไนเต็ด อาศัยความได้เปรียบในฐานะการเป็นเจ้าบ้านคอยเล่นงานทีมเยือนอย่างสนุก
ขึ้นอยู่กับว่าแทคติกของกุนซือ “เพชรฆาตหน้าทารก” นั้นจะเด็ดขาดพอที่จะปลิดชีพหักปีกหงส์แดงในเกมนี้ได้หรือไม่

แม้อาจจะไม่ได้แก่พรรษาในวิชาโค้ชเท่ากับกุนซือ “หงส์แดง” แต่ โซลชา ถือเป็นผู้ที่เข้ามากอบกู้สถานการณ์อันย่ำแย่ของ ยูไนเต็ด ได้อย่างแท้จริง
การปลุกเร้านักเตะภายในห้องแต่งตัว บวกกับแทคติกที่ง่ายๆ ไม่ได้ซับซ้อน แต่ทรงไปด้วยประสิทธิภาพ พ่วงด้วยความสนุก และสุขใจของนักเตะในสนาม
ถือเป็นรอยยิ้มพิฆาตที่พร้อมจะเชือดอาคันตุกะผู้มาเยือนอย่างเยือกเย็นราวกับคนไร้หัวใจ

การกลับมาจุติอีกครั้งของ ปอล ป็อกบา ก็ถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่น่าจับตามองมากๆ หลังเจ้าตัวกดไปถึง 8 ประตูจาก 9 นัดในลีก
ภายใต้การกุมบังเหียนของ โซลชา ช่วยทำให้แดนกลางของ ยูไนเต็ด กลับมาคงความเป็น “ระดับโลก” อีกครั้ง
ด้วยประสบการณ์ ความสด และความยียวนของมิดฟิลด์ดีกรีแชมป์โลกรายนี้ เชื่อว่าเจ้าตัวจะเป็นอีกหนึ่งคีย์แมนที่มีผลต่อสกอร์ในแมตช์หยุดโลกนี้อย่างแน่นอน

#ลิเวอร์พูล
ไม่ว่า “หงส์แดง” จะเดินทางมาเล่นเกมนี้ในฐานะทีมรองจ่าฝูงที่มีโอกาสพลิกสถานการณ์ทุกอย่างให้กลับมาอยู่ในมือของตัวเองอีกครั้ง
แต่การต้องบุกมาเยือน แมนฯ ยูไนเต็ด ถึงโอลด์ แทรฟฟอร์ด ย่อมเป็นงานยากระดับเข็นครกขึ้นเอเวอร์เรสต์เสมอ

แต่โบราณเคยกล่าวไว้ว่า สถิติแย่ๆ ย่อมมีไว้ทำลายเสมอ อย่าลืมว่า ลิเวอร์พูล เดินทางมาลุยศึก RED WAR หนนี้
ด้วยการมีอันดับเหนือกว่า แมนฯ ยู ในฐานะการเป็นรองจ่าฝูงครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 1996
บวกกับการพ่ายเพียงแค่หนเดียวจากลงเล่นเป็นทีมเยือน 13 นัดหลังสุดในลีก คือความเขี้ยวลากดินของอดีตแชมป์ยุโรป 5 สมัย
ภายใต้การนำของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่ยกระดับพาต้นสังกัดผงาดขึ้นมาเป็นทีมลุ้นแชมป์เต็มตัว

นอกจากนี้ ฟอร์มการถล่มประตูของแนวรุกเซเนกัลอย่าง ซาดิโอ มาเน่ (12 ประตู) ที่รัวปืนกลมาสี่เกมติดในลีก
ยังถือเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งที่เพิ่มความหลากหลายในการเข้าทำของ ลิเวอร์พูล นอกเหนือไปจากดาวซัลโวในลีก ณ ขณะนี้
อย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (17 ประตู) เช่นเดียวกับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ (9 ประตู) ที่มักจะทำผลงานได้ดีในเกมที่เต็มไปด้วยความกดดัน
สามประสานเซตนี้คือไพ่ใบเด็ดที่มั่นใจได้เลยว่า คล็อปป์ ต้องเทหมดหน้าตักตั้งแต่วินาทีแรกของเกมเป็นแน่

เช่นเดียวกับอาการบาดเจ็บของแข้งตัวหลักเจ้าถิ่นทั้ง เจสซี่ ลินการ์ด, อองโธนี่ มาร์กซิยาล, มัตเตโอ ดาร์เมี่ยน และอันโตนิโอ วาเลนเซีย
น่าจะช่วยให้แนวรับของ ลิเวอร์พูล เล่นได้ง่ายขึ้น แต่ทั้งนี้ความประมาทคือบ่อเกิดแห่งความตาย อย่างไรเสียการมี เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ปักหลักเป็นยักษ์หน้ากรอบเขตโทษ
คงพอทำให้เหล่า “เดอะ ค็อป” ทั้งโลกอุ่นใจคลายกังวัลได้ไม่น้อย

พิเศษสุดๆ สำหรับแฟนพันธุ์แท้ทั้งสาวก “ปีศาจแดง” และ “หงส์แดง” รวมถึงผู้ที่คลั่งในมนต์เสน่ห์ลูกหนังพรีเมียร์ลีกทุกท่าน
สิงห์ คอร์เปอเรชั่น ขอเชิญทุกท่านร่วมชมฟุตบอล “ศึกแดงเดือด” ได้ทั่วประเทศ

กรุงเทพมหานคร : ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ และเดอะ สตรีท พระราม 9
อุดรธานี : ลานหน้าเซ็นทรัล พลาซา อุดรธานี
ขอนแก่น : ลานข้าวเหนียว เซ็นทรัล พลาซ่าขอนแก่น
เชียงใหม่ : ลานหน้าประเสริฐแลนด์ และลานเคนไซ หน้า บ.นิยมพานิช
สุราษฎร์ธานี : ลานกิจกรรมหน้าโรงแรมวังใต้

ย้ำอีกครั้ง ทุกที่ ทุกจังหวัด เข้าชมฟรี ไม่มีค่าเข้า กับศึก "RED WAR" ที่ยิ่งใหญ่ และมีความหมายกว่าครั้งไหนๆ ที่สำคัญ แมตช์แดงเดือดหนนี้ อาจจะมีถ้วยแชมป์เป็นเดิมพัน !!!
#SinghaWorldofFootball #Redwar #แดงเดือด#พรีเมียร์ลีค #PremierLeague #ManU#Liverpool

 

 

 

 

BACK