วิเคราะห์รอบตัดเชือก ชปล.
“หงส์-ไก่-บาร์ซ่า-อาแจ็กซ์” ใครจะอยู่ ใครจะไป ?
#บาร์เซโลน่า ทีมที่ถูกยกย่องว่าเป็นสโมสรฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลก ณ ยุคปัจจุบัน
#ลิเวอร์พูล แชมป์ยุโรป 5 สมัย ที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาของความมั่นใจสุดขีดทั้งในลีก และรายการนี้
#สเปอร์ส ขุมกำลังที่แข็งแกร่งทุกตำแหน่ง และพร้อมมุ่งสมาธิเพื่อคว้าถ้วยบิ๊กเอียร์สมัยแรกมาครองให้ได้
และ #อาแจ็กซ์ พลังนักเตะวัยหนุ่มที่หักปากกาเซียนล้มยักษ์ทั้ง เรอัล มาดริด และยูเวนตุส มาแล้ว
ทั้งหมดนี้คือดีกรีคร่าวๆ ที่พอจะการันตีได้ว่า #ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้เต็มไปด้วยความดุเดือด
และสูสีชนิดมองไม่ออกว่าใครจะก้าวไปถึงบัลลังก์แชมป์ที่สังเวียน “ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่” ในกรุงมาดริด ประเทศสเปน ที่จะคิกออฟในวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายนนี้
แต่ก่อนที่จะไปถึงเกมนัดชิงชนะเลิศ วันนี้เราจะมาวิเคราะห์กันถึงสถานการณ์ในรอบตัดเชือก ที่ไม่ว่ามองไปทางไหนก็สนุกสุดมันส์ และสมศักดิ์ศรีทั้งสองคู่
#หงส์แดง ฟัด #บาร์ซ่า สองทีมที่ใครๆ ก็มองว่าน่าจะเป็นคู่ชิง #UCL
เพราะทุกอย่างได้ถูกกำหนดเอาไว้ตั้งแต่การประกบคู่ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายแล้วว่า ลิเวอร์พูล และบาร์เซโลน่า มีโอกาสต้องโคจรมาจ๊ะเอ๋กันในรอบตัดเชือก
แม้จะมีทั้ง ปอร์โต้ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยืนจังก้าเป็นด่านอรหันต์ แต่สุดท้ายทั้ง “หงส์แดง” และ “เจ้าบุญทุ่ม” ต่างก็กรุยทางมาจนถึงจุดนัดพบในครั้งนี้ได้
ลิเวอร์พูล อาจจะดูชื่อชั้นเป็นรองยอดทีมจากสเปน แต่ถ้าวิเคราะห์ลงเนื้อในจริงๆ แล้ว พวกเขากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดครั้งหนึงในประวัติศาสตร์ฟุตบอลยุคใหม่
เพราะด้วยปรัชญาการทำทีมของเยอร์เก้น คล็อปป์... ลิเวอร์พูล กำลังเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ โดยเฉพาะในเกมรุกที่รัวไปถึง 9 ประตูตั้งแต่รอบน็อคเอ้าท์
มากที่สุดเทียบเท่ากับยอดทีมจากคาตาลัน แถมเกมรับที่เคยเป็นจุดอ่อนมาแต่ไหนแต่ไร กลับถูกทดแทนด้วยคลาสในการเล่นของ เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค
และอลิสสัน ที่เปรียบเสมือนสองจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ ช่วยให้ ลิเวอร์พูล มีเกมรับที่ดีที่สุดในลีก และกำลังอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์ทั้งสองรายการ
ยิ่งการได้เล่นในแอนฟิลด์ในเกมที่สอง ซึ่งหลายๆ คนมองว่า “ค่ำคืนแห่งยุโรป” ที่สังเวียนแห่งนี้ยังคงเปี่ยมไปด้วยความขลัง
และพลังแฝงอันลึกลับที่ยากจะบรรยายออกมาเป็นตัวอักษร
เชื่อว่าหาก ลิเวอร์พูล วางแทคติกในการบุกไปเยือนที่ คัมป์ นู ดีๆ แถมมีอเวย์โกล์มาตุนไว้ก่อนสักเม็ด
เหมือนที่ เคร้ก เบลลามี่ กับยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ เคยโชว์วงสวิงใส่ บาร์เซโลน่า เมื่อปี 2007
โอกาสที่พวกเขาจะฝ่าดงหนามไปถึงรอบไฟน่อลได้เป็นปีที่สองติดต่อกันก็ย่อมเป็นไปได้
ขณะที่ บาร์เซโลน่า ไม่มีใครปฏิเสธว่าพวกเขาคือสโมสรที่ดีที่สุด และแข็งแกร่งที่สุด ณ ขณะนี้
ด้วยดีกรีตัวผู้เล่นระดับ “เวิลด์คลาส” ล้นทีม พวกเขามี ลิโอเนล เมสซี่ ที่คล้ายๆ กับขิงคือ “ยิ่งแก่ ก็ยิ่งเผ็ด”
คอยเป็นผงชูรสที่ทำให้เมนูอาหารจานนี้กลมกล่อมเกินกว่าที่นักชิมจะต้านทาน บวกกับแข้งประสบการณ์
อย่าง หลุยส์ ซัวเรซ, เซร์คิโอ้ บุสเกตต์, เคราร์ด ปิเก้, อิวาน ราคิติช แถมแนวรุกระดับพระกาฬอย่าง ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ กับ อุสมาน เดมเบเล่
ทำให้ บาร์เซโลน่า ยังคงเดินหน้าล่าความสำเร็จได้นับทศวรรษ
รูปแบบการเล่นที่แทบเสมือนจิตวิญญาณของ บาร์เซโลน่า, ความอัจฉริยะในการผ่านบอล การเคลื่อนที่หาจังหวะ
และการจบสกอร์ได้ในทุกพื้นที่ของสนาม คือจุดแข็งที่ยากแก่การเอาชนะเป็นอย่างยิ่ง
บวกกับอันดับในลีกที่น่าจะทำให้ยอดทีมจากคาตาลันโฟกัสเกมในศึกแชมเปี้ยนส์ลีกได้เต็มที่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าฝั่งไหนจะสามารถรับมือกับความกดดันได้มากกว่ากัน
โดยเฉพาะเกมแรกที่ คัมป์ นู ที่อาจจะเป็นตัวตัดสินได้ว่าใครจะตีตั๋วผ่านเข้าไปเล่นในนัดชิงชนะเลิศได้ก่อนเป็นทีมแรก
#ไก่เดือยทองจอมแกร่ง กับ #พลังหนุ่มของอาแจ็กซ์
ก่อนหน้านี้คงไม่มีใครคิดว่าทั้งสองทีมจะสามารถฝ่าด่านกรุยทางมาจนถึงรอบตัดเชือกได้ เพราะด้วยขุมกำลังในภาพรวม
ต้องยอมรับกันตรงๆ ว่า ทีมระดับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, ยูเวนตุส, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, บาเยิร์น มิวนิค หรือแม้แต่ เรอัล มาดริด ก็ยังดูดีกว่า
แต่ฟุตบอลไม่ใช่บัญญัติไตรยางค์ ความแข็งแกร่งบนหน้าหนังสือพิมพ์ หรือหน้าจอคอมคงมิอาจเป็นตัวกำหนดว่าทีมๆ นั้น ดีจริงเสมอไป
และมีแต่การต่อสู้ในสนามเท่านั้นที่คอยเป็นตัวพรู๊ฟชั้นดีว่า ทั้ง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ กับ อาแจ็กซ์ คู่ควรแก่การเดินทางมาถึงจุดนี้อย่างแท้จริง
ทั้งสองทีมมีจุดเด่นคล้ายๆ กันตรงที่ พวกเขาอุดมไปด้วยนักเตะดาวรุ่งฝีเท้าดีมากมาย
อาจจะมีจุดต่างตรงที่ตัวแทนจากกรุงลอนดอนมีแข้งที่มีประสบการณ์ในฟุตบอลระดับสูงอย่าง อูโก้ โยริส นายด่านดีกรีแชมป์โลก, คริสเตียน อีริคเซ่น เพลย์เมคเกอร์
อดีตจอมทัพของ อาแจ็กซ์ เอง, ลูคัส มูร่า ที่ครั้งหนึ่งถูกทีมระดับท็อปทั้งยุโรปตามจีบ
รวมถึง ซน ฮึงมิน กัปตันทีมชาติเกาหลีใต้ที่พิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่า เขาคือนักเตะเอเชียที่ดีที่สุดในโลกลูกหนังยุคปัจจุบัน
และพร้อมจะขึ้นไปทาบชั้นแข้งระดับ อาลี ดาอี, ฮิเดโตชิ นากาตะ หรือแม้แต่ ปาร์ค จี ซุง
สำคัญที่สุด การปราบเต็งแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาได้ ก็คงทำให้พวกเขามั่นใจ และรู้ตัวว่า ในโลกของฟุตบอล
อะไรก็เกิดขึ้นได้ และพร้อมจะเดินหน้าเต็มที่เพื่อความสุขของเหล่าสาวก “ไก่เดือยทอง”
ตัดกลับมาที่อดีตแชมป์ยุโรปสี่สมัยอย่าง อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม แน่นอนว่าการผ่านทั้ง เรอัล มาดริด กับ ยูเวนตุส มาได้นั้นย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด
การต่อบอลที่สวยงาม พลัง และแพสชั่นของเหล่านักเตะวัยหนุ่มรุ่นกระทงนำโดย มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ กัปตันทีมที่เนื้อหอมที่สุดในตลาดซื้อขายนักเตะ,
แฟรงค์กี้ เดอ ยอง, เดวิด เนเรส, ดอนนี่ ฟาน เดอ บีค, ฮาคิม ซิเย็ค นักเตะเหล่านี้มีความกระหายในชัยชนะดุจสัตว์ป่าที่กำลังคลั่ง
ความมั่นใจจากการกำราบสองยักษ์ใหญ่มา บวกกับการถูกมองว่าเป็นทีมรองบ่อนที่มีโอกาสได้แชมป์น้อยที่สุดในรอบนี้
น่าจะทำให้ยอดทีมจากแดนกังหันลงเล่นด้วยความสบายใจไร้กังวล ไร้ความกดดัน และนั่นอาจจะกลายมาเป็นอาวุธเด็ดที่พาพวกเขาไปเล่นที่ มาดริด ในรอบชิงชนะเลิศ…
และนี่คือการวิเคราะห์ที่จะได้บทสรุปทุกอย่างไม่เกินวันที่ 10 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ รักใครเชียร์ใคร
อย่าลืมติดตามข่าวสาร และบทสกู๊ปดีๆ ได้ทางเพจ Singha World Of Football
#SinghaWorldOfFootball #Liverpool#Barcelona #Spur #Ajax#UEFAChampionsLeague