"สองทีมจากอังกฤษ" กับฟางเส้นสุดท้ายในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก
ลิเวอร์พูล แชมป์ยุโรป 5 สมัย บุกไปพ่าย บาร์เซโลน่า ด้วยสกอร์ที่เกินความคาดหมาย พร้อมกับความมหัศจรรย์ของ ลิโอเนล เมสซี่
ที่แสดงให้ทุกคนได้เห็นว่า นักเตะระดับโลก เล่นอย่างไร
ขณะที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ตกที่นั่งลำบากไม่แพ้กัน หลังต้องบุกไปเล่นที่ อัมสเตอร์ดัม อารีน่า ด้วยเงื่อนไขเดียวคือ ชนะสถานเดียว
เพื่อดึงอเวย์โกล์กลับคืนมา แะลต่อลมหายใจตัว
เองอีกเฮือก
นี่คือสถานการณ์ล่าสุดของสองตัวแทนจากพรีเมียร์ลีกที่ไม่สู้ดีนัก นักวิเคราะห์ รวมถึงเหล่ากูรูจากทั่วทุกมุมโลกส่วนใหญ่ต่างออกมาฟันธงไปในทิศทางเดียวกันว่า
ลิเวอร์พูล และสเปอร์ส คงต้องยุติเส้นทางฝันของตัวเองไว้เพียงเท่านี้ แต่วันนี้ เราจะมาวิเคราะห์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
และอาจจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ กับแมตช์ตัดเชือก UCL 2019 ในเลกสอง
“ปาฏิหาริย์ที่แอนฟิลด์” ไม้ตายสุดท้ายของ #หงส์แดง
แม้จะตกเป็นรองถึงสามลูกตามกฎอเวย์-โกล์ แต่แฟนบอลทั่วโลกไม่เว้นเหล่าสาวก “อาซูลกราน่า” ต่างรู้ดีว่า มนต์ขลังค่ำคืนแห่งยุโรปที่ แอนฟิลด์ นั้น
ล้วนเป็นอาวุธเด็ดที่ช่วยให้ ลิเวอร์พูล รอดพ้นจากความตายมานับครั้งไม่ถ้วน บรรยากาศเสียงเชียร์ที่กึกก้องกังวานตลอด 90 นาที
ได้ช่วยปลุกเร้าให้แข้งเมอร์ซีย์ไซด์วิ่งชนิดลืมตายถวายหัว และมักจะกลับมาสู่เกมได้เสมอ
อย่าลืมว่ารูปเกมโดยรวมที่ คัมป์ นู นั้น ลิเวอร์พูล ไม่ได้ด้อยกว่า บาร์เซโลน่า เลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะโอกาสในการลุ้นพังประตูของทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์
และซาดิโอ มาเน่ ที่เหลือแค่จังหวะสุดท้ายเท่านั้น และหากว่าเทพีแห่งโชคเป็นชาวเมืองลิเวอร์พูล ทัพ “หงส์แดง”
ก็สมควรจะมีประตูติดไม้ติดมือกลับมาจาก สเปน อย่างน้อยสักลูกสองลูก
แต่สุดท้าย เทพีแห่งโชค กลับเป็นชาวอาร์เจนไตน์ ที่อำนวยพรทุกอย่างให้กับนักเตะที่ดีที่สุดในโลกฟุตบอลยุคใหม่อย่าง ลิโอเนล เมสซี่
เกมที่แอนฟิลด์ในสัปดาห์หน้า เชื่อว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ เองคงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเดินหน้าลุยแหลกตั้งแต่วินาทีแรกของเสียงนกหวีด
เพราะสุดท้าย จะแพ้อีกสองสามประตู ทุกอย่างก็คงมีค่าเท่ากันนั่นคือ “ตกรอบ” แต่สิ่งเดียวที่ “หงส์แดง” เองก็ต้องระวังไม่แพ้กัน
ก็คือ บาร์เซโลน่า เดินทางมาเล่นในเกมนี้ด้วยความต้องการแค่ “เม็ดเดียว” เท่านั้นก็จะเป็นการตอกตะปูปิดฝาโลงไม่ให้อดีตแชมป์ยุโรป 5 สมัยกลับมาฟื้นคืนชีพได้อีก
หาก ลิเวอร์พูล กลับมาได้ พวกเขาจะถูกจารึกสู่ความทรงจำของแฟนบอลอีกครั้งในฐานะ ทีมที่โกงความตายได้เก่งที่สุดในโลก
แต่ทุกอย่างนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะ บาร์เซโลน่า มีเทพผู้พิชิตนามว่า ลิโอเลน เมสซี่ นั่นเอง...
#สมาธิ #สติ วิธีเอาชนะอาแจ็กซ์ของ #ไก่เดือยทอง
ทุกคนต่างได้เห็นการเซ็ตเกมของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในเกมแรก ที่ราวกลับหลุดมาจากยุค โททั่ล ฟุตบอล อันลือลั่นในยุค 70
การเคลื่อนที่ของนักเตะพลังหนุ่ม ความเด็ดขาด และนิ่งเกินวัยของ อาแจ็กซ์ ชุดนี้ ได้สร้างความยากลำบากให้กับ สเปอร์ส เป็นอย่างยิ่ง
กระทั่งเป็นยอดทีมจากแดนกังหันที่กุมความได้เปรียบไปก่อนในเกมแรก
ความพ่ายแพ้ต่อ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในลีก ได้สร้างผลกระทบอันใหญ่หลวงลุกลามมาจนถึงในแชมเปี้ยนส์ ลีก
เพราะสถานการณ์ของ “ไก่เดือยทอง” ล่าสุดพวกเขาก็ยังมีสิทธิ์หลุดจากพื้นที่ฟุตบอลยุโรปได้เช่นเดียวกัน
สิ่งเหล่านี้ได้รุมเร้าให้ “พอช” หรือ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ไม่สามารถมุ่งโฟกัสไปในทิศทางใดทางหนึ่งได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
กลายเป็นการเหยียบเรือสองแคม หรือจับปลาสองมือไปในบัดดล
ฉะนั้น หาก สเปอร์ส ยังยืนกรานว่าพวกเขาจะไม่ยอมทิ้งถ้วยใบใหญ่ที่สุดของยุโรป สิ่งที่ “พอช” และนักเตะในทีมต้องทำ
ก็คือ พวกเขาต้อง “ดึงสติ” ของตัวเองกลับมา พร้อมสลัดความกังวลทั้งหมดที่มีออกไปให้เร็วที่สุด
เพราะด้วยชื่อชั้นของตัวนักเตะเอง สเปอร์ส ชุดนี้ ดูดีกว่า อาแจ็กซ์ ด้วยซ้ำ ทั้งดีกรี ประสบการณ์ ขนาดทีม
รวมถึงศักยภาพของการเป็นทีมระดับท็อปของพรีเมียร์ลีก หาก “ไก่เดือยทอง” จะกลับมาคืนฟอร์มที่ อัมสเตอร์ดัม เห็นทีก็คงไม่ใช่เรื่องผิดอะไร
เกมในเลกที่สอง อาจจะเปรียบเสมือน “ฟางเส้นสุดท้าย” ของทั้ง ลิเวอร์พูล และสเปอร์ส
แม้เวลา 90 นาทีอาจจะไม่ได้มากนักหากเทียบกับนาฬิกาชีวิตของคนเรา แต่ตราบใดที่พวกเขายังโอกาส
พวกเขาต้องลงสนามไปสู้ สู้เพื่อศักดิ์ศรีทีมจากดินแดนที่ครั้งหนึ่งพระอาทิตย์ไม่มีวันตก สู้เพื่อตราหน้าอกสโมสร และสำคัญที่สุด...
สู้เพื่อแฟนบอลที่ยังอยู่เคียงข้างคุณ ไม่ว่าวันนั้นจะดีหรือร้ายก็ตาม...
#SinghaWorldofFootball #UEFA #Liverpool#Spurs