BACK

 

 

"ปีศาจแดง" แย่เพราะโค้ช หรือตัวนักเตะ ?

23 พ.ค. 2562

จบอันดับ 6
มีแต้มตามหลังจ่าฝูง 32 แต้ม
ไม่ได้ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
เกมรับแย่ที่สุดในรอบ 40 ปีของสโมสร
แพ้ 5 จาก 10 เกมหลังสุดในลีก แถมไม่ชนะในเลยใน 5 เกมสุดท้ายของฤดูกาล

เกิดอะไรขึ้นกับทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกาะอังกฤษอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ?

แน่นอนว่าฤดูกาลที่ผ่านมา (2018/19) คือช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความชอกช้ำใจของเหล่าสาวก “เร้ด เดวิลส์” ที่วาดฝันเอาไว้ในระดับหนึ่ง
ว่า อย่างทีมพวกเขาก็ยังมีดีพอที่จะคว้าตั๋วไปลุยศึกถ้วยใบใหญ่ของยุโรปได้ ด้วยมันสมองของ โชเซ่ มูรินโญ่ บวกกับสตาร์ระดับโลก
อย่าง ปอล ป็อกบา ที่พกดีกรีแข้งแชมป์โลกจาก รัสเซีย มาหมาดๆ การก้าวขึ้นมาของสองดาวรุ่งอังกฤษทั้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด
และเจสซี่ ลินการ์ด ที่กระดูกบอลค่อยๆ โตขึ้นเรื่อยๆ ส่วนตัวหลักเลือดสแปนิชทั้ง ดาบิด เด เกอา, อันเดร เอร์เรร่า และฆวน มาต้า ก็ยังอยู่กันครบ
บวกกับแข้งค่าตัวแพงอย่าง เฟร็ด (53.1 ล้านปอนด์) ดูแล้ว พวกเขาไม่น่าพลาดกับเป้าหมายแรกที่วางไว้

แต่การออกสตาร์ทที่ต่ำกว่ามาตรฐาน บวกกับความพ่ายแพ้ต่อคู่ปรับตลอดกาลอย่าง ลิเวอร์พูล ชนิดที่สู้ไม่ได้เลยในศึกแดงเดือดยกแรก
แรงกดดันจากแฟนบอลทั่วโลก ทำให้บอร์ดบริหารต้องตัดสินใจปลดกุนซือชาวโปรตุกีสออกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
พร้อมกับเรียกตัวศิษย์ก้นกุฏิอย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เข้ามารับเผือกร้อนชิ้นนี้

ชัยชนะ 10 จาก 12 เกมแรกในพรีเมียร์ลีก พ่วงด้วยสถิติไร้พ่าย น่าจะเป็นหนึ่งในการออกสตาร์ทที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตการเป็นกุนซือ
ของ “เพชรฆาตหน้าทารก” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาลงสนามด้วยความสดชื่นราวกับยกน้ำดื่มตราสิงห์ขึ้นมา
เกมรุกเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว เกมรับพลาดยาก แถม ปอล ป็อกบา ที่เคยดูเหมือนเป็นตัวปัญหาในยุค มูรินโญ่ ก็ดันกลับมาคืนฟอร์มเทพอีก
ทุกอย่างกำลังกลับมาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นแล้วสำหรับ ยูไนเต็ด และแน่นอน โซลชา ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกุนซือถาวร…

แต่หลังจากนั้น ทุกอย่างพลิกกลับตาลปัตรทั้งหมด ทุกอย่างดูตื้อไปหมด สมดุลในเกมรุก และรับหายไปอย่างสิ้นเชิง
นักเตะเกือบทั้งทีมฟอร์มหลุดแบบไม่มีสัญญาณเตือนอะไรทั้งสิ้น ดาบิด เด เกอา กลายเป็นผู้รักษาประตูธรรมดาๆ คนหนึ่งไปเลย
ทั้งๆ ที่ตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา เขาคือผู้รักษาประตูที่เก่งและดีที่สุดในโลก

แอชลีย์ ยัง, อันโตนิโอ วาเลนเซีย กลายร่างเป็นของปลอมทำเหมือนเอาดื้อๆ ลูกครอสที่ไม่สามารถกดดันทีมคู่แข่งได้เลย ก็คงไม่ต่างอะไรไปจากปืนที่ไม่มีกระสุน

อดีตนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลกอย่าง ปอล ป็อกบา ยังคงโฟกัสชีวิตการค้าแข้งของตัวเองไว้ที่โทรศัพท์มือถือ อินสตาแกรม ทรงผม และรองเท้าแสนสวยของเขา
จนลืมไปว่าทุกสิ่งที่เขามีในชีวิตนี้ล้วนแต่มาจากฝีเท้าอันอุกอาจ ขณะที่ อเล็กซิส ซานเชซ ที่ถูกยกให้เป็นนักเตะชิลีที่เก่ง และดีที่สุด
นับตั้งแต่หมดยุคของ อีวาน ซาโมราโน่ และมาร์เซโล่ ซาลาส ก็เอาชื่อมาทิ้งไว้ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด พร้อมกลายสภาพเป็นตะปูเก่าๆ ที่ถูกวางทิ้งไว้ที่ม้านั่งสำรอง

แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือ สองสตาร์อังกฤษทั้ง แรชฟอร์ด และลินการ์ด นั้นกลายเป็น ตะเกียงที่ไม่สามารถปกป้องแสงไฟจากสายลมได้ ความเห็นแก่ตัว
และการเล่นเพื่อตัวเองมากเกินไป กลายเป็นดาบที่ย้อนกลับมาทิ่มแทงในของแฟนบอลยูไนเต็ดให้เจ็บปวดจนเลือดไหลนองทั่วพื้น

ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้แฟนบอลยูไนเต็ดถึงกับตบะแตกนั่นคือ การถูกทีมที่หล่นชั้นไปแล้วอย่าง คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ บุกมาอัดซะพังยับถึง 0-2 คาถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ในเกมนัดสิ่งท้ายฤดูกาล คือความอัปยศอดสูของเหล่า “เร้ด เดวิลส์” ทั้งโลกที่ก็ไม่รู้ว่าตนเองจะต้องแบกรับความรู้สึกพังๆ นี้ไปอีกนานเท่าไหร่

ส่วน โซลชา แน่นอนว่าการรับไม้ต่อจากกุนซือระดับ มูรินโญ่ ถือเป็นงานที่เต็มไปด้วยความกดดัน แม้จะออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยม
แต่การจะก้าวขึ้นไปเป็นเฮดโค้ชระดับโลกให้ได้นั้น คุณต้องมีความ “สม่ำเสมอ” ซึ่งวัดได้จากผลงานในสนามเพียวๆ

จุดอ่อนของกุนซือเลือดนอร์วีเจี้ยนรายนี้ก็คือ การมี “แทคติกหน้าเดียว” ทุกทีมที่เจอกับ ยูไนเต็ด ในช่วงหลังๆ จะรู้เสมอว่าพวกเขาควรจะเล่นแบบไหน
เล่นอย่างไร โจมตีตรงไหน ป้องกันตรงไหน ความไม่หลากหลายในเรื่องของแผนการเล่น คือปัจจัยแรกที่ทำให้ “ปีศาจแดง” ทำผลงานได้ไม่ดีในช่วงท้ายซีซั่น

ความไม่เด็ดขาดในการควบคุมนักเตะในทีม หรือคำสั้นๆ ที่เรีกง่ายๆ ว่า “บารมี” ของ โซลชา ยังไม่สามารถกำราบนักเตะอย่าง ป็อกบา
ที่ทะนงตัวเองถึงความเป็นซูเปอร์สตาร์แบบไม่แคร์สื่อ, การไม่กล้าดร็อป เด เกอา ทั้งๆ ที่ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า
นายด่านอาร์เจนไตน์อย่าง โรเมโร่ นั้นพร้อมแล้วที่จะคว้าโอกาสในช่วงเวลาที่ เด เกอา ฟอร์มตกอย่างรุนแรง
รวมถึงภาวะความเป็นผู้นำที่ โซลชา มิอาจไปเทียบเคียงกับ เยอร์เก้น คล็อปป์ หรือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้เลย สิ่งเหล่านี้เมื่อมาขยำรวมกัน
จึงกลายเป็นระเบิดเวลาที่มีแต่จะทำให้ แมนฯ ยู ไม่อาจก้าวไปข้างหน้าได้สักที

ฤดูกาลหน้า จะเป็นปีที่จะเป็นตัวชี้วัดได้เลยว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะยังคงความเป็นทีมยักษ์ใหญ่บนเกาะอังกฤษต่อไป
และพร้อมกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ หรือว่าจะปล่อยให้คู่ปรับทั้งหลายทั้ง แมนฯ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, เชลซี, สเปอร์ส และอาร์เซน่อล
ขยับช่องว่างหนีพวกเขาออกไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นระยะห่างที่มิอาจตามได้ทันไปอีกหลายปี

แล้วคุณหล่ะ คิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้ของ “ปีศาจแดง” มาจาก “โค้ช” หรือ “นักเตะ” กันแน่… ?

 

 

BACK