BACK

 

 

CHANGE ถึงเวลาผ่าตัดทัพ "เรือใบสีฟ้า"

12 ก.พ. 2563

หลังจากหลักไมล์การเดินทางของศึกพรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ ได้เดินทางมาถึง ⅔ จากเส้นทางทั้งหมด แน่นอนว่าการมีแต้มตามหลังจ่าฝูงอย่าง ลิเวอร์พูล มากถึง 22 คะแนนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือสิ่งที่ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นไปได้เมื่อช่วงต้นฤดูกาลอย่างแน่นอน

เพราะทัพ “เรือใบสีฟ้า” เพิ่งจะจบซีซั่นที่แล้วด้วยการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และอีเอฟแอล คัพ แน่นอนว่านี่คือหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์วงการลูกหนังเมืองผู้ดีทีมหนึ่งเลยทีเดียว

จุดแข็งของพวกเขา นอกจากขุมกำลังที่ไล่เรียงไป ก็ล้วนแต่เป็นแข้งระดับท็อป หลายๆ คนคือแข้งระดับโลก คุณลองจินตนาการดูว่า การมี เซร์คิโอ อเกวโร่, เควิน เดอ บรอยน์, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, ริยาด มาห์เรซ และอิลคาย กุนโดกัน นั้นน่าเกรงขามขนาดไหน

มากไปกว่านั้น การมี เป๊ป กวาร์ดิโอล่า รับหน้าที่ขงเบ้งในการใช้มันสมองบริหารจัดการทีม แน่นอนว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีพร้อมทุกองค์ประกอบที่จะก้าวไปเป็นสโมสรฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลกได้อย่างไม่มีปัญหา

แต่ขึ้นชื่อว่า ทุกสิ่งในโลกล้วนเป็นอนิจจัง ชีวิตย่อมมีขึ้น และมีลงเสมอ ฟุตบอลก็เช่นเดียวกัน... แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชุดนี้ มิอาจต้านทานความแข็งแกร่งของ ลิเวอร์พูล ที่กำลังสยายปีกกลายเป็นทีมที่ดีที่สุดในโลกแทน

แต้มตามหลัง 22 คะแนน คือคำตอบที่ดีที่สุดว่า ทำไม แมนฯ ซิตี้ ถึงต้องคิดถึงการ “ผ่าตัดทีม”

เพราะสื่อชั้นนำหลายๆ สำนัก ล้วนแต่วิเคราะห์ และมองไปในทิศทางที่ใกล้เคียงกันนั่นคือ นักเตะหลายๆ คนในทีมชุดนี้ กำลังอยู่ในช่วงเวลาอันตรายที่เราเรียกกันว่า “ถึงจุดอิ่มตัว”

เมื่อคนเราถึงจุดอิ่มตัว ไฟกระหายในชัยชนะ และความสำเร็จ ย่อมมอดหายไปตามลำดับ ในเมื่อคุณขาดความท้าทาย หรือแรงจูงใจด้านความสำเร็จเพราะคุณได้มาหมดแล้ว การจะงัดพาทีมให้กลับมาอยู่ในมาตรฐานที่เคยทำได้ ก็ย่อมเป็นเรื่องยากกว่าที่คิด

65 ประตู จาก 25 นัด แน่นอน พวกเขาคือทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุดในลีก
พวกเขามี เซร์คิโอ อเกวโร่ ที่ทำไปแล้ว 16 ประตู มากเป็นอันดับสองในลีก
ขณะที่ เควิน เดอ บรอยน์ ที่แอสซิสต์มากที่สุดในลีก (15ครั้ง) ก็โชว์ฟอร์มระดับโลกที่ทุกคนได้เห็น

แต่สิ่งที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขาดหายไป คือเรื่องของ “หัวใจ” และความเด็ดขาดในการปิดเกม พวกเขาเสียประตูไปมากกว่า 29 ประตู หากคิดเป็นค่าเฉลี่ย อย่างน้อยๆ ทัพ “เรือใบสีฟ้า” ต้องเสียประตูนัดละลูก ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่ดีหากคุณต้องการจบฤดูกาลด้วยโทรฟี่แชมป์

กระทั่งการถูก สเปอร์ส ยัดเยียดความปราชัยให้ แถมยังโดนเจาะตาข่ายอีกสองเม็ด ว่ากันว่านี่คือฟางเส้นสุดท้ายที่ เป๊ป และลูกทีมคงต้องยอมรับความจริงว่า โอกาสที่พวกเขาจะพลิกสถานการณ์กลับมาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้คงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว

และหากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกหกนัดถัดไป ลิเวอร์พูล จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างเป็นทางการ และนั่นคือสิ่งที่ แมนฯ ซิตี้ คงต้องรีบมองไปข้างหน้านับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เพื่อสร้างทีมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

“เราแพ้ในการแข่ง แน่นอนเรามีโอกาสมากมาย ในช่วงครึ่งหลัง เราออกสตาร์ทได้ดีและสร้างโอกาสทำประตูได้ แต่เราไม่ได้ทำเช่นนั้น เราต้องยอมรับและวิเคราะห์ มันไม่ง่ายเลย เราทำได้ดีมากจริง ๆ กับฟอร์มแบบนี้ผมควรจะวิจารณ์ยังไงดีล่ะ นี่คือฟอร์มที่ผิดพลาดอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งบ่งบอกได้ว่าพวกเขาแย่แค่ไหน”

“พวกเขาอยู่ห่างออกไปมาก ดังนั้นจึงหยุดไม่ได้อีกแล้ว เขามีแต้มมากกว่า เราได้แต้มน้อยเหมือนกับวันนี้ แต่เป้าหมายของเรา ยังต้องชนะในเกมที่เหลืออยู่ และจะต้องได้ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลหน้า” นี่คือบทสัมภาษณ์ที่ เป๊ป ได้กล่าวหลังจากรู้ว่าทีมของตนต้องตกตามหลังจ่าฝูงถึง 22 แต้ม

น่าสนใจว่าการสร้างทีมครั้งใหม่ของ เป๊ป นั้นจะน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน ใครกันที่จะเป็นแกนหลัก ใครกันที่จะต้องจากไป และใครกันที่จะเข้ามาใหม่ เพราะสุดท้าย เรื่องเงินนั้นไม่ใช่ปัญหาของทีมระดับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่แล้ว…

การตามหลัง 22 แต้มจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก และนี่อาจจะเป็นหนึ่งในความท้าทายของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซฺตี้ มากที่สุดในรอบทศวรรษก็เป็นได้ ในการต่อสู้กับ ลิเวอร์พูล ที่ต้องการสถาปนายุครุ่งเรืองให้กลับมาอีกครั้ง...

ทั้งนี้ แฟนฟุตบอลชาวไทย และคอบอลอังกฤษทุกท่าน เตรียมพบกับกิจกรรมดีๆ จากทาง สิงห์ คอร์เปอเรชั่น ในฐานะผู้สนับสนุนหลัก การถ่ายทอดสดศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีกสู่คนไทย 3 ฤดูกาลเต็ม พร้อมเต็มอิ่ม อัดแน่นครบทุกการวิเคราะห์ และทุกเรื่องราวที่น่าสนใจในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฟุตบอลไทย และฟุตบอลรอบโลกได้ทางเพจ Singha World Of Football คอบอลตัวจริง ห้ามพลาด !!!
#SinghaWorldofFootball #PremierLeague #Manchestercity

 

 

BACK