BACK

 

 

วิเคราะห์ "COVID-19" และทุกเงื่อนไขที่อาจทำให้ ลิเวอร์พูล ไม่ได้แชมป์ลีก ?

10 มี.ค. 2563

นับตั้งแต่ที่คนทั้งโลกได้รู้จักคำว่า “ไวรัส โคโรน่า” หรือที่ปัจจุบันเราเรียกกันในชื่อ “โควิด-19” (COVID-19)
โลกใบนี้ที่เรารู้จักก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะไม่ใช่แค่ที่ประเทศจีนที่ประสบปัญหาโรคระบาดนี้แค่เพียงชาติเดียว

หากแต่หมายถึง “เกือบทุกประเทศในโลก” …

ปัญหาการแพร่กระจาย “โควิด-19” (COVID-19) ได้ลุกลาม จนส่งผลกระทบต่อทุกๆ วงการ หลายๆ พื้นที่ต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความตื่นตระหนก และความตื่นตัวในโรคดังกล่าวได้ขยายวงกว้างจนลุกลามมาถึงวงการกีฬาทุกชนิด

รวมถึง “ฟุตบอล”

อิตาลี คือชาติแรกๆ ในยุโรปที่ต้องประสบปัญหาการระบาดของ “โควิด-19” (COVID-19) และมีผู้ติดเชื้อมากที่สุดชาติหนึ่งในโลก
ก่อนที่พวกเขาพบนักเตะใน เซเรีย-ซี ติดเชื้อดังกล่าว จนเป็นเหตุให้รัฐบาลแดนมักกะโรนีต้องสั่งให้ทุกทีมในลีกลงแข่งขันแบบปิด (ทุกชนิดกีฬา) จนถึงวันที่ 3 เมษายน เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา

แต่แน่นอน ทุกสายตาของคอบอลทั่วโลกล้วนแต่จับจ้องไปที่ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กับเส้นทางการคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบสามทศวรรษของ ลิเวอร์พูล จากที่ตอนแรกดูเหมือนจะง่าย

หากแต่วินาทีนี้ ดูเหมือนเรื่องราวดังกล่าวจะ “ไม่ง่าย” ซะแล้ว หลังจากที่ โจ แอนเดอร์สัน นายกเทศมนตรีประจำเมือง ลิเวอร์พูล
ออกมาเผยข่าวที่ทุกคนกังวลว่าจะเกิดขึ้นนั่นคือ พบผู้ติดเชื้อ “โควิด-19” (COVID-19) รายแรกในเมืองแล้ว โดยมีข้อความบนทวิตเตอร์ระบุว่า

"หลังจากการประชุมฉุกเฉินกับคณะกรรมการเพื่อสุขภาพ และความปลอดภัย ซึ่งข้าพเจ้าทำหน้าที่เป็นประธาน เราขอยืนยันว่า เมืองลิเวอร์พูล พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า (โควิด-19) รายแรกแล้ว"

เชื้อ “โควิด-19” (COVID-19) กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักไปทั่วโลก โดย อังกฤษ มีการยืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อไปแล้วเฉียดๆ 100 คน
ซึ่งเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของเมืองผู้ดีออกมาเตือนว่าอัตราการระบาดของเชื้อมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อย

ที่สำคัญ การแพร่ระบาดของไวรัส “โควิด-19” (COVID-19) ในอังกฤษ อาจส่งผลต่อการแข่งขันกีฬาหลายชนิดรวมถึงฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
เหมือนที่ศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี กำลังเผชิญอยู่ แต่จะกระทบถึงโอกาสในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกของ ลิเวอร์พูล หรือไม่ วันนี้เราจะมาวิเคราะห์กัน...

#ก่อนคิดถึงโควิด #ลิเวอร์พูลต้องห้ามแพ้ภัยตัวเอง

ความพ่ายแพ้สามเกมเยือน ในสามรายการ คือเอฟเฟคแรกที่เชื่อว่าส่งผลกระทบต่อจิตใจของทั้งเหล่านักเตะ รวมถึง “เดอะ ค็อป” ทั่วโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะใครจะเชื่อว่าก่อนหน้านี้ ลิเวอร์พูล กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่สามารถยกคำว่า “ไร้เทียมทาน” ให้ได้เลย
หากแต่ความปราชัยต่อ แอตเลติโก มาดริด ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ฉีกแผลให้คู่แข่ง “หงส์แดง” รู้ว่า ลิเวอร์พูลเองก็ยังมีจุดอ่อน
ใช่ว่าพวกเขาจะแพ้ไม่เป็น และหลังจากนั้น ลิเวอร์พูล ก็ยังไม่สามารถคืนฟอร์มเก่งได้เลย

ชัยชนะเหนือ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-2 ดูเผินๆ อาจจะไม่มีอะไรที่น่ากังวล เพราะพวกเขายิงได้ถึงสามประตู พวกเขาสามารถคัมแบ็คจากสถานการณ์ที่ยากลำบากได้อีกครั้ง
หากแต่เกมรับที่โดนเจาะตาข่ายถึงสองเม็ด ก่อนจะโดน วัตฟอร์ด อัดน่วมไปสามประตู และปิดท้ายด้วยการถูก เชลซี ถลุงไปอีกสองเม็ด ร่วงตกรอบ เอฟเอ คัพ
ทั้งๆ ที่ส่งผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามหลายราย คือปัญหาที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ เองต้องรีบมองให้ออก และบอกกับทุกคนในทีมให้เรียกสมาธิกลับคืนมาให้ได้
เพราะดูเหมือนว่าตอนนี้ แข้ง “หงส์แดง” กำลังถูกพิษ “ความกดดัน” เล่นงานแล้วนั่นเอง

คงเป็นเรื่องน่าเสียดายที่หาก ลิเวอร์พูล จะพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีก ในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล ด้วยการ “แพ้ภัยตัวเอง”

#91คะแนน #หลักไมล์ที่ลิเวอร์พูลต้องรีบไปให้ถึง

ปัจจุบัน ลิเวอร์พูล นำห่าง แมนฯ ซิตี้ อยู่ 22 คะแนน (แข่งมากกว่า 1 นัด) แต่ด้วยเงื่อนไขที่ “หงส์แดง” ขอแค่เก็บชัยชนะอีกเพียง 4 นัด ทุกอย่างจะจบลงอย่างแฮปปี้ เอนดิ้ง
หากแต่ทุกอย่างเริ่มไม่เป็นดั่งที่ใจคิด ก็เพราะความพ่ายแพ้เกมแรกที่เหมือนจะสร้างความกังวลใจไม่น้อย เพราะอย่างที่รู้กันว่า ตราบใดที่การแข่งขันยังดำเนินต่อไป
และลิเวอร์พูล ยังไม่สามารถพาตัวเองไปพิชิตหลักไมล์เลข 91 ได้… แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็พร้อมจะบีบช่องว่างให้ลดลงเรื่อยๆ

ความน่าสนใจคือ ลิเวอร์พูล มีคิวลงดวลกับทัพ “เรือใบสีฟ้า” ในวันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน ซึ่งเป็นเกมที่อาจจะตัดสินแชมป์ได้ ในกรณีที่ ลิเวอร์พูล ชนะรวดมาสามเกมก่อนหน้า
และแมนฯ ซิตี้ ก็ยังไม่พลาดก่อนหน้าเช่นกัน เชื่อว่าเกมนัดนี้จะเป็นหนึ่งในแมตช์ที่แฟนบอลทั้งโลกต้องโฟกัสไปที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม อย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะถ้าหากทัพ “เรือใบสีฟ้า” สามารถดับซ่าส์ ลิเวอร์พูล ได้ในนัดนี้ นี่อาจจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของซีซั่นนี้
แต่ถ้าคิดให้ใหญ่ไปกว่านั้น มันอาจจะกลายเป็นการเด็ดดอกไม้ที่สะเทือนถึงดวงดาวจนทำให้ทัพ “หงส์แดง” สติหลุดจนทำโทรฟี่แชมป์พรีเมียร์ลีกหลุดมือในบั้นปลายก็เป็นได้
เหมือนกับที่ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ของ เควิน คีแกน เคยเจอพิษความกดดันพลาดแชมป์ทั้งๆ ที่ทำแต้มนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มากมาย เมื่อราวๆ 25 ปีที่แล้ว

ฉะนั้น 91 จึงเป็นตัวเลขที่ ลิเวอร์พูล ต้องรีบเดินหน้าไปให้ถึงโดยเร็ว เพราะมิเช่นนั้นหลักไมล์นี้อาจจะกลายเป็นเพียงแค่ความฝัน
และบดบังทุกเส้นทางจนทำให้พวกเขาไม่ได้แชมป์ลีกนั่นเอง !!!

#COVID19 #ไพ่ใบสุดท้ายดับฝันลิเวอร์พูล

ก่อนหน้านี้ราวๆ หนึ่งสัปดาห์ สื่อระดับแถวหน้าของอังกฤษ รวมถึงทั่วโลก ล้วนแต่ตีข่าวใหญ่ว่า ลิเวอร์พูล อาจจะไม่ได้ฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้
หากรัฐบาลอังกฤษออกคำสั่งยกเลิกการแข่งขันในฤดูกาลนี้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัส “โควิด-19” (COVID-19) ที่ตอนนี้กำลังเป็นหนึ่งในภัยคุกคามที่น่ากลัวที่สุดในยุโรป

และที่สำคัญ มีการยืนยันแล้วว่า พบผู้ติดเชื้อในเมืองลิเวอร์พูลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เมื่อบวกกับปัจจัยความเสี่ยงหากพรีเมียร์ลีกยังยืนยันที่จะจัดการแข่งขันต่อ โอกาสที่ไวรัส “โควิด-19” (COVID-19) จะแพร่กระจายเป็นวงกว้าง
ก็อาจจะทำให้สถานการณ์การรับมือโรคระบาดของรัฐบาลอังกฤษต้องเป็นปัญหาที่ยากขึ้นยิ่งกว่าเดิม
ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ว่า รัฐบาลอังกฤษอาจตัดสินใจยกเลิกการแข่งขันกีฬาทุกชนิดถึง 2 เดือน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดในประเทศ
ขณะที่กฎของสมาคมฟุตบอลอังกฤษก็ไม่ได้ระบุถึงกรณีที่พรีเมียร์ลีกแข่งไม่ครบ 38 เกมไว้ด้วย

หากสถานการณ์เลวร้ายถึงขั้นนั้นจริง ๆ ทุกฝ่ายต้องประชุมหารือกันเพื่อหาทางออก พร้อมทั้งลงมติว่าโปรแกรมที่แข่งไปแล้วนั้นจะถูกนับหรือไม่
เพราะมันไม่ได้มีผลแค่กับทีมลุ้นแชมป์อย่างเดียว แต่ยังมีผลกับทีมลุ้นโควต้าฟุตบอลยุโรป และทีมหนีตกชั้นด้วย

หนึ่งในทางออกที่มีความเป็นไปได้คือ ให้ผลการแข่งขันก่อนหน้านี้ทั้งหมดเป็นโมฆะ และเริ่มต้นแข่งขันกันใหม่ในฤดูกาลหน้า

หากมีคำสั่งเช่นนั้นจริง การแชมป์ลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีของ ลิเวอร์พูล ก็คงต้องปิดฉากลงอย่างเป็นทางการ

นั่นคือความน่ากลัวของ “โควิด-19” (COVID-19) ที่สุดท้ายอาจจะกลายเป็นปลายหอกที่ย้อนกลับมาทิ่มแทงให้ ลิเวอร์พูล พลาดแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ก็เป็นได้...

ทั้งนี้ แฟนฟุตบอลชาวไทย และคอบอลอังกฤษทุกท่าน เตรียมพบกับกิจกรรมดีๆ จากทาง สิงห์ คอร์เปอเรชั่น ในฐานะผู้สนับสนุนหลัก
การถ่ายทอดสดศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีกสู่คนไทย 3 ฤดูกาลเต็ม พร้อมเต็มอิ่ม อัดแน่นครบทุกการวิเคราะห์ และทุกเรื่องราวที่น่าสนใจในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฟุตบอลไทย
และฟุตบอลรอบโลกได้ทางเพจ Singha World Of Football คอบอลตัวจริง ห้ามพลาด !!!

 

 

 

 

BACK