เมื่อ พรีเมียร์ลีก ต้องตัดสินใจ "เลื่อน" อีกครั้ง
หลังจากประเทศอังกฤษได้รับการแพร่กระจายของไวรัส “โควิด-19” จนเป็นเหตุให้มีผู้ติดเชื้อนับพัน และมีผู้เสียชีวิตไปมากกว่า 100 ราย
ล่าสุด สื่อในประเทศอังกฤษ ต่างพร้อมใจกันรายงานว่า จากการเรียกตัวแทนของทั้ง 20 ทีมในพรีเมียร์ลีกมาประชุมฉุกเฉิน
ได้ข้อสรุปตอนนี้ให้เลื่อนการแข่งขันจากเดิมที่จะกลับมาเตะในวันที่ 3 เมษายน ให้ขยับออกไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน
เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดในสหราชอาณาจักรนั้นยังไม่มีทีท่าจะว่าดีขึ้น
โดยฝ่ายการแข่งขันจะยืดเวลาให้มีการแข่งจนจบฤดูกาลตามโปรแกรมที่เหลือ โดยที่จะไม่มียกเลิกการแข่งขันแน่นอน
สอดคล้องกับการออกมาประกาศของ สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ร่วมด้วยสมาคมสโมสรฟุตบอลยุโรป (ECA), ยูโรเปี้ยน ลีก (EL)
และ FIFPro ยุโรป ที่ร่วมลงนามในพันธกิจนำวงการฟุตบอลยุโรปฝ่าวิกฤต “โควิด-19 ให้ได้”
ทั้งนี้ รายละเอียดจากการร่วมลงนามก็คือ ทำให้การแข่งขันภายในของลีกยุโรปจบลงภายในปฏิทินกีฬารอบนี้ หรือภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2020
หากสถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น และสามารถกลับมาจัดการแข่งขันได้
หรืออีกมุมหนึ่งคือ มีความเป็นไปได้ที่จะจำกัด หรือลดสล็อตปฏิทินการแข่งขัน เพื่อเปิดโอกาสให้สามารถจัดการแข่งขันภายในประเทศในช่วงกลางสัปดาห์
และจัดรายการของ ยูฟ่า ในช่วงสุดสัปดาห์ รวมถึงการปรับรูปแบบรอบคัดเลือกของฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ในฤดูกาลหน้า
นั่นเท่ากับว่า พรีเมียร์ลีก จะยืดระยะการปิดฤดูกาลไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน นั่นคือสิ่งที่เราทุกคนต้องยอมรับ และให้มันเป็นไป
เนื่องจากทุกคนต่างเข้าใจว่าในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้ สิ่งสำคัญที่สุดเหนือผลการแข่งขันก็คือ “ความปลอดภัย” ของทุกๆ คน ทั้งนักเตะ ทีมงานสต๊าฟ และแฟนบอล
และวิธีการควบคุม หรือชะลอการระบาดของไวรัสร้ายนี้ได้ดีที่สุดก็คือ การเก็บตัวอยู่กับบ้าน หลีกเลี่ยงการพบปะผู้คน เพื่อดูแลตัวเอง
และไม่แพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น สอดคล้องกับแนวทางของนานาประเทศ รวมถึงองค์กรอนามัยโลก
กรณีการออกมาประกาศ “เลื่อน” การแข่งขันของ พรีเมียร์ลีก ในครั้งนี้ มีผลกระทบที่มองได้หลายมุม…
ในมุมของแฟนบอล แน่นอนว่านี่คือ “ข่าวร้าย” เพราะนั่นเท่ากับว่าเราต้องใช้ชีวิตอยู่โดยปราศจากฟุตบอลอังกฤษอย่างน้อยๆ หนึ่งเดือน
ซึ่งบอกตรงๆ ว่า หากไม่นับในช่วงพักเบรคปิดฤดูกาล ชีวิตแฟนบอลอย่างเราๆ ก็ไม่เคยต้องห่างจากทีมรักในช่วงที่ยังแข่งขันนานขนาดนี้
ขณะที่ฝั่งสโมสร แน่นอนว่าการพักเบรคนานเช่นนี้ สิ่งสำคัญที่พวกเขาต้องรับมือให้ดีก็คือ การบริหารจัดการไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการเงิน
หลังเม็ดเงินรายได้จากหลายๆ ทางต้องขาดช่วงไปทั้ง ค่าบัตรผ่านเข้าชม ค่าจำหน่ายของที่ระลึก ในขณะที่รายจ่ายนั้นหาได้ลดลงตามแต่อย่างใด
นอกจากนี้ การวางแผนเรื่องโปรแกรมฝึกซ้อม ก็เป็นสิ่งที่ทุกๆ สโมสรต้องคำนึงให้ดีว่าจะทำอย่างไรให้ทีมของตนอยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุด
ก่อนจะกลับมาลงฟาดแข้งในช่วงสิ้นเดือนเมษายน แต่ก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของบุคลากรทุกคนในทีมด้วยเช่นกัน
ขณะที่ผลกระทบอื่นๆ ที่เห็นได้ชัดก็คือ ฝ่ายจัดการแข่งขันที่ต้องพูดคุยกับผู้สนับสนุน หรือผู้ถือลิขสิทธิ์ให้ลงตัว และบอบช้ำน้อยที่สุด
เพราะถึงเวลานี้ ไม่ว่าใครก็ต่างได้รับผลกระทบกันทุกฝ่าย
แต่หากมองในอีกมุมหนึ่ง นี่คือมาตรการที่จะทำให้ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกกลับมาฟาดแข้งกันอย่าง “สมบูรณ์ที่สุด”
ในแง่ขององค์ประกอบที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของลีกนั่นคือ แฟนบอล, เสียงเชียร์ตลอดทั้ง 90 นาที การต่อสู้อย่างดุเดือดในสนาม
เพื่อเติมเต็มอีก 9 นัดที่เหลือให้สนุกในแบบของฟุตบอลอังกฤษ โดยที่ไม่มีใครต้องเสี่ยงกับเชื้อไวรัสมรณะนี้
นอกจากนี้ ยังเป็นการเฟ้นหา “แชมป์” ที่สมบูรณ์แบบ และไร้ข้อครหาใดๆ ทั้งสิ้น
นี่อาจจะเป็นหนึ่งในปรากฎการณ์ที่ส่งกระทบรุนแรงต่อ พรีเมียร์ลีก มากที่สุดนับตั้งแต่เปลี่ยนมาจาก ดิวิชั่น 1 เดิม แต่เชื่อว่านี่คือการตัดสินใจที่ถูกต้อง
เพื่อ “อดเปรี้ยวไว้กินหวาน” และทำให้ พรีเมียร์ลีก ยังคงเป็นลีกฟุตบอลที่มีผู้คนติดตามมากที่สุดในโลกเช่นเคย
ขอให้การเลื่อนครั้งนี้ เป็นการเลื่อน “ครั้งสุดท้าย” และเราหวังว่าในวันที่ 30 เมษายนที่จะถึงนี้ จะเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
และความสุขของแฟนบอลอังกฤษทั่วทุกมุมโลกอีกครั้ง ไม่ว่าในสนามจะมีแฟนบอล หรือไม่มีแฟนบอลก็ตาม...
ทั้งนี้ แฟนฟุตบอลชาวไทย และคอบอลอังกฤษทุกท่าน เตรียมพบกับกิจกรรมดีๆ จากทาง สิงห์ คอร์เปอเรชั่น
ในฐานะผู้สนับสนุนหลัก การถ่ายทอดสดศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีกสู่คนไทย 3 ฤดูกาลเต็ม พร้อมเต็มอิ่ม อัดแน่นครบทุกการวิเคราะห์
และทุกเรื่องราวที่น่าสนใจในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฟุตบอลไทย และฟุตบอลรอบโลกได้ทางเพจ Singha World Of Football คอบอลตัวจริง ห้ามพลาด !!!
#SWOF #Covid19 #VirusCorona